ด้วยความนิยมของ NFT ได้ผลักดันให้มีการระดมทุน สำหรับโปรเจกต์ Giga ของยูนิเซฟ เพื่อพัฒนาและเชื่อมโยง
โรงเรียนทั่วโลกเข้ากับอินเตอร์เน็ต
ประเทศที่พัฒนาแล้วมักมองข้ามความแพร่หลายของอินเตอร์เน็ต แต่ความเป็นจริง มีคนอยู่อีกประมาณ 2.9 พันล้านคน
ที่ยังไม่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต หรือ World Wide Web เลย
ความคิดริเริ่มที่นำโดยยูนิเซฟกำลังจัดการกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ ในรูปแบบใหม่ ผ่านการร่วมลงทุนกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ซึ่งนำไปสู่การสร้าง Giga ในปี 2019
Gerben Kijne ผู้จัดการ Blockchain ของ Giga กล่าวถึง Project Connect ของบริษัทที่งาน Blockchain Expo ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ว่า Giga มีความก้าวหน้าในการพยายามเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้ประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก
ขั้นแรกในกระบวนการนี้คือการทำแผนที่โรงเรียนและการเชื่อมต่อผ่าน Project Connect Giga ใช้เครื่องมือสแกนภาพดาวเทียมเพื่อระบุ แผนที่โรงเรียนบน open-source ปัจจุบันทำให้พบโรงเรียนมากกว่า 1.1 ล้านแห่งใน 49 ประเทศ ที่มีการเชื่อมต่อข้อมูลสำหรับ 1 ใน 3 ของโรงเรียนเหล่านี้
หลังจากระบุแผนที่โรงเรียนสำเร็จ ขั้นตอนต่อไปในกระบวนการนี้คือการระดมทุนแบบใหม่ โดยเจาะเข้าไปในโลกของ Blockchain
และ Cryptocurrency และ NFT
Giga มีความนิยมขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากแถลงข่าวกับ Cointelegraph ที่ RAI Convention Center ในอัมสเตอร์ดัม
ทาง Kijne ก็ได้เปิดโปรเจกต์ Patchwork Kingdoms ของ Giga โดยพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากความนิยมจาก NFT ครั้งนี้ อย่างคุ้มค่า
Giga ร่วมมือกับศิลปินชาวดัตช์ Nadiej Bremer เพื่อเปิดตัว NFT Collection สร้างขึ้น 1,000 ชิ้น บน Ethereum Blockchain โดยใช้ข้อมูลโรงเรียนจาก Giga เพื่อเป็นตัวแทนของผู้ที่ยังไม่ได้เข้าถึงการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
การลงขาย NFT ทำให้ระดมทุนไปได้กว่า 240 ETH รวมมูลค่ากว่า 700,000 ดอลลาร์ ซึ่งส่งตรงไปยังโรงเรียนที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดย Giga แล้ว “ฉันคิดว่า NFT มีการใช้งานที่น่าสนใจจริงๆ เราเริ่มนึกถึงการทำบุญสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างไร?
ฉันว่านี่แหละ เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยเหลือผู้คน การที่คุณซื้อ NFT เท่ากับได้บริจาค ให้กับองค์กร UNICEF โดยที่คุณไม่หวังได้อะไรตอบแทนด้วยซ้ำ”
Kijne คิดว่าการสร้าง Community ของโปรเจกต์ก่อนลงขาย NFT จริงๆ นั้นเป็นเรื่องดี นั่นจะช่วยให้ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนอย่างเต็มที่ และสมาชิกแต่ละคน ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือโปรเจกต์อีกด้วย
UNICEF Giga NFT ขายหมดภายใน สามชั่วโมง ระดมทุนเงินบริจาคได้ทั้งหมด 550,000 ดอลลาร์
และได้กำไรเพิ่มอีกจากค่าลิขสิทธิ์ 20%
โปรเจกต์นี้ถือว่าได้ประสบความสำเร็จ และผลตอบรับอย่างดี ซึ่งเป็น NFT Real use case ในชีวิตจริงที่น่าสนใจอย่างมาก
การที่นำเทคโนโลยี Blockchain สู่การบริจาคให้กับ UNICEF
ที่มา : https://bit.ly/3r1J0fH